หัวใจคนไทยแตกสลาย น้ำตานองทั่วแผ่นดิน นับตั้งแต่วันที่ ในหลวง รัชกาลที่ 9 กษัตริย์ผู้เป็นที่รักของคนไทยทั่วประเทศเสด็จสู่สวรรคาลัย
เชื่อว่าภาพความทรงจำและความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อ ในหลวง รัชกาลที่ 9 และได้รับรู้เรื่องราวของพระองค์ท่านที่ทรงงานหนักเพื่อคนไทยมาตลอดระยะเวลา 70ปีนั้น ยังคงติดตราตรึงใจและอยู่ในใจของคนไทย เช่นเดียวกับ 6 พระเอกคนดังที่จะมาเผยความรู้สึกที่มีต่อพ่อหลวง ไปฟังเสียงจากใจของพวกเขากัน
ป้อง- ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์
“ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่ในรัชกาลที่ 9 แล้ว ผมคิดเสมอว่าเรามีในหลวงองค์เดียวคือพระองค์ท่าน แต่พอถึงวันที่ท่านไม่อยู่แล้ว ผมช็อคไปเลย คิดว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอ เราไม่เคยเตรียมใจกับสิ่งนี้มาก่อน ความเศร้าเสียใจมันใหญ่หลวงมาก แต่ก็ต้องเดินต่อไป ผมเชื่อว่าพระองค์ท่านคงไม่อยากให้เราจมกับความเศร้า จนไม่เป็นอันทำอะไร สิ่งที่จะทำเพื่อพระองค์ท่านได้คือทำตามคำสอนของพ่อ ทั้งโครงการพระราชดำริของท่านมากมาย และคำสอนของท่านในเรื่องของความพอเพียง ผมเรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์มา ในตำราไม่มีสอนทฤษฏีนี้นะครับ แต่สิ่งที่ท่านคิดขึ้นมาใหม่มันมีคุณประโยชน์มากในทุกอย่างในชีวิต คำว่าพอเพียงทุกคนต้องตีความหมายให้แตก พอเพียงในทีนี้ไม่ใช่ประหยัด ตระหนี่ แต่มันคือทางสายกลางที่ใช้ได้กับทุกคนไม่ว่าจะรวยหรือจน พอเพียงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มันคือการเดินสายกลาง ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ไม่เบียดเบียนใคร
“พระองค์ท่านทรงเดินมาพูดคุยกับทีมนักแสดงพวกผมก็ยืนรับเสด็จอยู่ ท่านเดินมาทักทีละคนจนมาถึงผมซึ่งตื่นเต้นมากเรียกว่าเกือบลืมหายใจเลย ผมสัมผัสได้ถึงพระเมตตาของพระองค์ “
วันที่ 13 ตุลาคมปีที่แล้ว ผมยังจำได้ดี เพราะมีงานรอบกาล่าดินเนอร์ละครเวที พอรู้ข่าวก็ยกเลิกเลย ในเวลานั้นไม่มีใครมีแรงจะทำอะไร ทุกคนนิ่งเหมือนช็อครวมถึงตัวผมเองด้วย คิดในใจว่ามันเกิดขึ้นจริงเหรอ มีเหตุการณ์ที่ผมจดจำไม่ลืม เมื่อครั้งที่เคยถวายงานพระองค์ท่าน เนื่องจากมีการประชุม APEC มีพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศมาเยือนไทย ผมยังจำได้ว่าจับมือกับ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช , วลาดิเมียร์ ปูติน ด้วย ในส่วนการแสดงมีการคัดเลือก ดาราไปทำการแสดงถวายงานต่อหน้าพระพักตร์ มี ‘พี่นก -ฉัตรชัย’ ‘พี่ตั้ว-ศรัณยู’ ป๋อ-ณัฐวุฒิ’ และผมเป็นหนึ่งในนั้นที่ใส่ชุดไทยสมัยอยุธยา หลังจากส่งพระราชอาคันตุกะกลับไปแล้ว พระองค์ท่านทรงเดินมาพูดคุยกับทีมนักแสดงพวกผมก็ยืนรับเสด็จอยู่ ท่านเดินมาทักทีละคนจนมาถึงผมซึ่งตื่นเต้นมากเรียกว่าเกือบลืมหายใจ ผมสัมผัสได้ถึงพระเมตตาของพระองค์ ท่านตรัสว่า ‘ชุดเหมือนในหนังสือเลยนะ’ ผมก็พูดว่า ‘ครับ’ อยากจะพูดมากกว่านี้แต่ตื่นเต้นพูดไม่ออก ที่ท่านตรัสว่าเหมือนในหนังสือน่าจะหมายถึงเครื่องแต่งกายเหมือนในประวัติศาสตร์ ผมรู้สึกเป็นบุญกับชีวิตมากที่ได้ใกล้พระองค์ท่านมากขนาดนี้ นั่นถือว่าเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่จะจดจำไม่ลืม”
เต้ย- พงศกร เมตตาริกานนท์
“ผมประทับใจคำพูดของพระองค์ท่านที่บอกว่า ‘ ไม่ต้องจำว่าฉันคือใคร แต่จำว่าฉันทำอะไรก็พอ’ สำหรับผมยึดหลักคำสอนของในหลวงหลายๆ อย่างครับ เป็นสิ่งที่นำไปสอนให้ลูกหลานฟังได้ ผมชื่นชมความสามารถในด้านการกีฬาของพระองค์ท่าน เพราะผมเล่นกีฬาหลายอย่าง ตีกอล์ฟ ดำน้ำ ท่านทรงเป็นแบบอย่างของการเป็นนักกีฬา ทรงรักษาความซื่อสัตย์ เคารพกฏกติกาอย่างแท้จริง เรื่องเล่าที่เราเคยได้ยินกันมาคือ การแข่งขันเรือใบของพระองค์ท่าน แล้ววกเรือกลับมาเพราะไปโดนทุ่นถือว่าฟาวล์ จริงๆ แล้วไม่มีใครเห็น พระองค์ท่านจะเล่นต่อก็ได้แต่ทรงยุติการเล่น นี่เป็นสิ่งที่บอกกับเราให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์กับตัวเองในด้านพระอัจฉริยภาพทางดนตรี ท่านเล่นดนตรีได้หลายอย่างและยังทรงพระราชนิพนธ์เพลงเพราะๆ ไว้มากมาย ขนาดที่ว่าศิลปินต่างประเทศยังชื่นชมในความสามารถ เพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์เป็นคอร์ดที่ลึกมากน้อยคนนักจะเล่นได้
“ช่วงชีวิตที่ผมเกิดมาอาจจะไม่ได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่เห็นพระองค์ท่านในทีวี เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ ฟังเพลงของพระองค์ท่าน ถามตัวเองว่าทำไมเรารู้สึกเข้าไปในหัวใจขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักท่าน แต่รู้ว่าท่านทรงเหนื่อยและทำเพื่อคนไทยตลอดเวลา 70 ปี”
“จำได้เลยว่าตอนเด็กๆ ผมอยากเล่นแซกโซโฟน เพราะเห็นพระองค์ท่านเป่าแซกโซโฟนแล้วเท่มากๆ เสน่ห์ของเครื่องดนตรีชนิดนี้คือโน๊ตเพลงออกมาจากลมหายใจของเรา ฟังแล้วรู้สึกเข้าถึงบทเพลงมากๆ ภาพความทรงจำที่ทำให้ผมได้รู้สึกใกล้ชิดพระองค์ท่านก็คือรูปคุณตาตอนถวายงานในหลวง เพราะท่านทำงานในรัฐสภาจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านบ่อยๆ ช่วงชีวิตที่ผมเกิดมา อาจจะไม่ได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่เห็นพระองค์ท่านในทีวี เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ ฟังเพลงของพระองค์ท่าน ถามตัวเองว่าทำไมเรารู้สึกเข้าไปในหัวใจขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักท่าน แต่รู้ว่าท่านทรงเหนื่อยและทำเพื่อคนไทยตลอดเวลา 70 ปี ท่านเหนื่อยกว่าพวกเรามาก ผมเชื่อว่าในแผนที่ประเทศไทยนี้ ท่านทรงเดินทางไปมาหมดแล้ว และไปเพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน ผมว่าคงไม่มีใครคนไหนเหมือนท่านอีกแล้วนะ”
ฌอห์ณ จินดาโชติ
“ผมรู้สึกว่าผมโชคดีที่เกิดมาในรัชกาลที่ 9 ผมยังจำได้คือ ชีวิตวัยเด็กในโรงเรียนของทุกคนรวมถึงผมด้วยคือในห้องเรียนจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้ง2 พระองค์ หลังร้องเพลงชาติ ทุกวันต้องร้องเพลงความฝันอันสูงสุดเป็นเพลงสรรเสริญพระบารมี ในยุคที่ผมเกิดมาก็จะไม่ค่อยเห็นพระองค์ท่านทรงงานแล้ว แต่ผมจะได้ยินผ่านคำบอกเล่าของคุณพ่อคุณแม่ และคนอื่นๆ ตลอดมา ไม่น่าเชื่อว่าการที่ร้อยคนเล่าเรื่อง แล้วเล่าเหมือนกันได้ อีกภาพหนึ่งที่จำติดตาคือทุกวันที่5 ธันวาคม พระองค์ท่านจะมีพระราชดำรัสกับพสกนิกรทั่วประเทศ พอท่านตรัสเสร็จทุกคนที่บ้านผมก็กราบตรงพื้นบ้าน มันเป็นภาพที่อบอุ่นและฝังอยู่ในใจเสมอ
“ผมเดินทางไปภูเขาไฟโบรโม่ ประเทศอินโดนีเซีย มีทหารเรือขอมาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีกับพวกผมด้วย เขาบอกว่ารักในหลวงมาก เพราะเคยถวายงานพระองค์ท่านและเคยเป็นทหารเรืออยู่เมืองไทยมาก่อน เขาพูดกับผมว่า ‘Sorry for your King’ ผมอึ้งมาก มันมีหลายความรู้สึกทั้งภูมิใจ เสียใจ และตื้นตัน”
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เกิดยุคนี้ แต่เราจะไม่รู้หรอกครับว่าเราจะโชคดีมากแค่ไหนจนมีคนอื่นมาบอก มีครั้งหนึ่งที่ผมเดินทางไปประเทศเวียดนาม และต้องไปแลกเงินแบงค์พัน ปรากฏว่าพนักงานพูดกับผมว่าให้เก็บเงินไว้เถอะ นี่เป็นลัคกี้แบงค์ของคุณเพราะมีในหลวงอยู่ มันจะหาไม่ได้อีกแล้ว รู้สึกว่าจุกเหมือนกันนะ เพราะเขารู้เรื่องในหลวงสวรรคต โอ้โห! คนต่างชาติยังเห็นพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านขนาดนี้ อีกครั้งหนึ่งผมเดินทางไปภูเขาไฟโบรโม่ ประเทศอินโดนีเซีย มีทหารเรือขอมาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีกับพวกผมด้วย เขาบอกว่ารักในหลวงมากเพราะเคยถวายงานพระองค์ท่านและเคยเป็นทหารเรืออยู่เมืองไทยมาก่อน เขาพูดกับผมว่า ‘Sorry for your King’ ผมอึ้งมากมันมีหลายความรู้สึกทั้งภูมิใจ เสียใจ และตื้นตัน จากนี้ไปถ้ามีลูกก็จะบอกลูกบอกหลาน ว่าการเป็นคนไทยในแผ่นดินของในหลวงรัชกาลที่ 9 โชคดีขนาดไหนที่เรามีกษัตริย์ที่ดี พระองค์ท่านได้ปูทางมาให้หมดแล้ว ขอแค่ทำดี ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”
ไมค์- ภัทรเดช สงวนความดี
“พระองค์ท่านเป็นแบบอย่างของมนุษย์ที่ประเสริฐ หนึ่งในนั้นคือความกตัญญูที่ผมซาบซึ้งมาตั้งแต่เด็ก พระองค์ท่านดูแลสมเด็จย่าดีมากไม่เคยขาดตกบกพร่องเรื่องนี้ และเรื่องของการเสียสละ ท่านทรงเป็นตัวอย่างของการทุ่มเทของการทรงงานอย่างจริงจัง ตั้งแต่ผมเกิดมาก็เห็นในหลวงทรงงานและเดินทางไปทุกๆที่ เวลาผมไปทำงานต่างจังหวัดจะเห็นทุกโครงการพระราชดำริกว่า4,000 โครงการไม่ใช่โครงการเพื่อส่วนพระองค์ เป็นสิ่งที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
พระองค์ท่านรักชาวนามาก ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าไหน หรือแม้คนที่ต่อต้านพระองค์ก็ไม่เคยเกี่ยงที่จะช่วยเหลือคนเหล่านั้น ตอนที่ท่านไปปฎิรูปพื้นที่ทำกินเรื่องฝิ่น พวกชาวไร่ก็ไม่พอใจ ท่านบอกว่าจะเปลี่ยนอาชีพให้หากินสุจริต ฝิ่นมันผิดกฎหมาย ท่านใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี เพื่อเปลี่ยนความคิดว่า ต้องปลูกพืชเกษตรแทนการปลูกฝิ่น จนทุกวันนี้เกิดเป็นอาชีพอย่างสุจริต ชาวบ้านสามารถใช้ที่ทำกินของตัวเองสร้างรายได้
แม้ในด้านศาสนาพระองค์ก็ไม่เคยกีดกันศาสนาใดในแผ่นดิน พระองค์รักและเข้าใจให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นี่คือเหตุผลที่ผมมองว่าทำไมคนไทยถึงรักพระองค์จากใจจริง สุดท้ายพระองค์ทรงรักประชาชนของพระองค์ทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข
“ยิ่งผมเล่นละครเรื่องนายฮ้อยทมิฬ ผมยิ่งซาบซึ้งและเข้าใจถึงความลำบากของชาวนา เพราะเราเป็นคนอีสานด้วย กว่าที่ชาวนาจะปลูกข้าวได้เมื่อก่อนทุ่งกุลาแห้งแล้งมาก ในละครพูดว่า ‘วันหนึ่งพี่จะเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งนี้ให้มีชีวิตให้ได้’ พูดไปผมยังน้ำตาไหลเลยคือรู้สึกกับสิ่งที่พูดจริงๆ นึกถึงความเพียรของพระองค์ที่ทรงทำกว่า 50 -60 ปี ทุ่งกุลาวันนี้คือทุ่งนาที่อุดมสมบูรณ์มาก”
ตอนเด็กๆ สมัยมัธยมผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อสาโรจน์ เป็นคนที่รักพระเจ้าอยู่หัวมาก ชื่อเฟสบุ๊ค ชื่อHi5ใช้ชื่อ Profile ว่า‘ต้น รักในหลวง’ เพื่อนคนนี้แหละเป็นคนที่ปลูกฝังให้ผมรักพระองค์ท่าน สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมทำให้เราเป็นคนดีขึ้น ผมได้หันกลับมามองตัวเอง แล้วเราล่ะ? ทำอะไรเพื่อประเทศบ้าง สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เริ่มจากตัวเองก่อน เช่น เศรษฐกิจพอเพียง สิ่งเล็กๆ อย่างเรื่องการใช้ยาสีฟันที่เคยเห็นรูปที่ท่านบีบจนไม่เหลืออะไร เราเคยตระหนักมั้ยหรือแค่ว่ามีเงินซื้อ มองให้มันลึกกว่านั้นว่ามันเป็นเรื่องของทรัพยากร พลาสติกมันเยอะขึ้น เป็นเรื่องของส่วนรวม ยิ่งผมเล่นละครเรื่องนายฮ้อยทมิฬ ผมยิ่งซาบซึ้งและเข้าใจถึงความลำบากของชาวนา เพราะเราเป็นคนอีสานด้วย กว่าที่ชาวนาจะปลูกข้าวได้เมื่อก่อนทุ่งกุลาแห้งแล้งมาก ในละครพูดว่า ‘วันหนึ่งพี่จะเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งนี้ให้มีชีวิตให้ได้’ พูดไปผมยังน้ำตาไหลเลยคือรู้สึกกับสิ่งที่พูดจริงๆ นึกถึงความเพียรของพระองค์ที่ทรงทำกว่า 50 -60 ปี ทุ่งกุลาวันนี้คือทุ่งนาที่อุดมสมบูรณ์มาก ไม่รู้ว่าเกิดอีกกี่ชาติจะเจอพระมหากษัตริย์แบบนี้ ผมรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่เกิดในรัชกาลที่9 ครับ”
บอย- ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์
“วันที่พระองค์จากไปความรู้สึกของผมไม่ต่างจากคนไทยทุกคนนะครับ รู้สึกได้ถึงคำว่า ‘เคว้ง’ เหมือนเสาหลักหายไป แต่ถึงแม้ท่านจะไม่อยู่แล้ว พวกเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป สิ่งสำคัญก็คือยึดแนวทางที่พระองค์ท่านทรงสอนเราไว้ หลักคำสอนของพระองค์ท่านนั้นเรียบง่ายมาก แต่ถ้ามีวินัยทำจนเป็นนิสัยมันจะดีกับชีวิตมาก หลักคำสอนเรื่องความพอเพียง คำๆ นี้ สามารถแตกออกไปได้เป็นคำว่า ‘พอดี’ ‘ พอเหมาะ’ สำหรับผมคือดีมากๆ สามารถใช้ได้กับทุกอย่างในชีวิต เช่นการพูด พูดยังไงให้พอดีไม่ใช่พูดไปเรื่อยๆ แบบไม่คิด เรื่องของความคิด คิดมากไปก็ไม่ได้ คิดน้อยไปก็ไม่ดี ฉะนั้นคิดให้พอเหมาะอยู่กับความจริง ฟังดูง่ายแล้วคนมักมองข้ามแต่จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่ในหลวงทรงทำแบบนี้เสมอมา และสิ่งที่ท่านอยากให้พวกเราทำก็คือการเป็นคนดี เราอาจจะทำเพื่อตัวเองมาเยอะแล้ว ลองทำเพื่อนคนอื่นแบบที่พระองค์ทรงงานมาตลอดเพื่อประชาชน”
“หลักคำสอนของพระองค์ท่านนั้นเรียบง่ายมาก แต่ถ้ามีวินัยทำจนเป็นนิสัยมันจะดีกับชีวิตมาก หลักคำสอนเรื่องความพอเพียง คำๆ นี้ สามารถแตกออกไปได้เป็นคำว่า ‘พอดี’ ‘ พอเหมาะ’ สำหรับผมคือดีมากๆ สามารถใช้ได้กับทุกอย่างในชีวิต”
ต่อ -ธนภพ ลีรัตนขจร
“ผมรู้สึกว่าเรามีพระองค์ท่านอยู่ในใจตลอดเวลา เพราะที่บ้านมีรูปปั้นของพระองค์ตั้งอยู่แล้ว สำหรับคำสอนที่ผมอยากนำไปใช้ คือเรื่องความพอเพียง ยึดความพอดีไม่เยอะเกินไป ทุกวันนี้ทุกคนยังเห็นธนภพไม่ติดหรู ไม่ว่าจะหาเงินได้เยอะแค่ไหน ผมก็ยังเป็นคนง่ายๆ แบบนี้ ผมคิดว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่เงิน ทุกวันนี้ผมตระหนักถึงสิ่งที่พระองค์ท่าน ทำเพื่อประชาชนในแผ่นดินไทย ผมเริ่มรู้จักการเป็นผู้ให้ และเริ่มศึกษาจากการที่ไปทำงานกับทีมฯ สุดสัปดาห์ ทำให้เห็นถึงโครงการในพระราชดำริมากมาย เมื่อเริ่มไปทำช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชน ก็พบว่าสิ่งที่ท่านทรงทำไว้ให้ ไม่ใช่เพื่อพระองค์เองเลยแต่ก็เพื่อประชาชน เหมือนได้รู้จักโลกมากขึ้น มุมมองก็เริ่มเปลี่ยน ผมว่าไม่ต้องถามว่าคำสอนท่านให้อะไร ถ้าอยากรู้ ทำเลยครับ ผมมองไปไกลเลยว่า ผมอยากมีครอบครัว และอยากจะสอนลูกๆ ในมุมที่ผมได้เห็นจากพระองค์ท่านว่าการเป็นคนดีเป็นยังไง การเสียสละเพื่อคนอื่นนั้นมันเติมเต็มความหมายในชีวิตได้แค่ไหน จนถึงวันนี้ที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้วปีนึง รู้สึกใจหายมากอยากหยุดเวลาไว้ แต่คงทำไม่ได้”
“ผมมองไปไกลเลยว่า ผมอยากมีครอบครัว และอยากจะสอนลูกๆ ในมุมที่ผมได้เห็นจากพระองค์ท่านว่าการเป็นคนดีเป็นยังไง การเสียสละเพื่อคนอื่นนั้นมันเติมเต็มความหมายในชีวิตได้แค่ไหน จนถึงวันนี้ที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้วปีนึง รู้สึกใจหายมากอยากหยุดเวลาไว้ แต่คงทำไม่ได้”
สัมภาษณ์: Bhusakorn Saisuwan
ถ่ายภาพ : JAE
The post คิดถึงพ่อเสมอ ในหลวง ในดวงใจของ 6 พระเอกคนดัง appeared first on SUDSAPDA.COM.