เจยอง เธอคือล่ามศิลปินเกาหลีที่เหล่าแฟนคลับชื่นชม เรื่องของการทำหน้าที่ได้ดี ทั้งการแปลและการวางตัว เบื้องหลังเสียงชื่นชมที่มีต่อตัวเธอมาจาก การทำการบ้านก่อนทำงาน การแปลของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาษาพูด แต่เป็นภาษาใจด้วย
“เจยองเริ่มเป็นล่ามตอนเรียนอยู่ประมาณเกรด 10 (ม.4) ก่อนหน้านั้นเคยทำงานให้กับวงการโปรดักชั่นมาก่อน วันหนึ่งมีคอนเสิร์ตเรนครั้งแรกในเมืองไทย พี่ที่รู้จักจึงแนะนำให้เจยองรู้จักกับคนจัดงาน เลยได้เป็นล่ามให้ผู้กำกับเสียง จำได้ว่างานนั้นผู้กำกับเสียงมีแค่คนเดียว จังหวะหนึ่งเขาต้องรีบไปอีกฝั่งของเวทีเพื่อเอาไมค์ เขาหันมาบอกว่าถ้าเขาวิ่งไปถึงตรงนั้นแล้วเธอกดปุ่มนี้เพื่อเปิดไมค์ให้เรนเลยนะ ด้วยความที่ไม่เคยทำงานนี้มาก่อนจึงตื่นเต้นมาก”
“หลังจบงานมีนิตยสารชื่อ Seoul Street ทำสัมภาษณ์ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับคอนเสิร์ตของเรน เขามาขอสัมภาษณ์เจยอง หลังการสัมภาษณ์ทำให้มีงานติดต่อเข้ามาอีก เป็นคอนเสิร์ตเกาหลีเหมือนกันแต่ยังเป็นการแปลภาษาให้ทีมเบื้องหลัง ต่อมาก็เริ่มเป็นล่ามให้ศิลปินอย่างซูเปอร์จูเนียร์และดงบังชินกิตอนมาถ่ายโฆษณาแบบไม่ได้ออกกล้อง แล้วค่อยๆ ขยับมาอยู่หน้ากล้อง จากแปลให้ศิลปินตอนไปให้สัมภาษณ์รายการวิทยุก็เป็นงานเพรสคอนเฟอเรนซ์ ตามด้วยมีตติ้ง คอนเสิร์ต จนถึงตอนนี้”
“ในการทำงานสมมุติว่ามีศิลปินชื่อวงเอบีซีมา แล้วเป็นวงที่ไม่เคยทำงานด้วย เจยองจะไปหาข้อมูลก่อนว่าเขาเดบิวต์ปีไหน มีสมาชิกกี่คน ลีดเดอร์คือใคร ชื่อจริงของสมาชิกชื่ออะไร ชื่อในวงการชื่ออะไร เพลงฮิตคือเพลงไหน แม้แต่วันเกิดของแต่ละคนก็ต้องทราบ เพื่อที่สมมุติว่ามีใครพูดขึ้นมาว่าวันนี้วันเกิดศิลปินคนใดคนหนึ่งเราจะได้พูดต่อได้ ก่อนเริ่มงานทีมงานจะส่งคำถามมาให้ เจยองจะอ่านคำถามแล้วเดาว่าคนนี้จะตอบประมาณไหน ใครนิสัยอย่างไรก็ต้องศึกษา เพื่อตอนเขาตอบคำถามจะได้รู้ว่าคนนี้ซอฟต์หรือขี้เล่น ต้องไปดูรายาการที่เขาเคยออก ศิลปินบางคนก็ให้สอนภาษาไทยให้ หรือถามว่าอยากพูดคำนี้ต้องพูดว่าอะไร คำไหนกำลังฮิต ก็ต้องบอกเขาได้ เจยองอยากให้มีคำเด็ดๆ ไม่ใช่แค่ ‘ผมรักคุณ’ เพราะมันซ้ำ ตอนนี้มีหลายศิลปินมาบ้านเรา จะได้เปลี่ยนบ้าง”
“ถามว่าชื่นชอบศิลปินวงไหน…ถึงตอนนี้ก็ยังชอบวงซูเปอร์จูเนียร์ เพราะทำงานกับเขามาเยอะและทำมานาน แล้วยังได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน เขาชอบเล่นกับแฟนคลับ นั่นทำให้เจยองต้องไปเรียนภาษาไทยเพิ่ม เจยองว่าตัวเองเติบโตขึ้นจากการได้ทำงานกับเขา ถ้าไม่มีโอกาสได้แปลให้เขาก็อาจจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้”
“ความยากของการเป็นล่ามสำหรับเจยองอยู่ที่การแปลให้คนฟังเข้าใจในสิ่งที่ศิลปินพูด รวมถึงถ่ายทอดสิ่งที่พี่ๆ สื่อหรือแฟนคลับอยากถามและอยากบอกในการแปลจึงไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกด้วย โดยส่วนตัวแล้วเจยองเป็นคนอีโมชันนัลเยอะ ถ้าศิลปินหัวเราะก็อยากให้คนที่ฟังหัวเราะด้วยกัน ถ้าเศร้าก็เศร้าด้วยกัน ตอนแปลเลยไม่เหมือนว่าแปลอย่างเดียวแต่เป็นการสื่อสารความรู้สึกของคนที่เราแปลออกไปด้วย”
“ในเรื่องปัญหาในการทำงานก็มีบ้าง เคยมีเหตุการณ์เอียร์ที่ใช้ฟังเสียงศิลปินในคอนเสิร์ตดับ ทำให้ไม่ได้ยินอะไรเลย ตอนนั้นเป็นคอนเสิร์ตเกิร์ลส์เจเนอเรชั่นโซวอนไทยกรี๊ดดังมาก อยู่ๆ เอียร์ดับ ตอนแรกเจยองคิดว่าเป็นระบบปกป้องหูแบบอัตโนมัติเมื่อเสียงดังมากๆ ‘มันจะดับไปแป๊บหนึ่งแล้วค่อยกลับมาเหรอดีจัง’ ที่ไหนได้ เอียร์ดับจริง หันไปเห็นหน้าจอขึ้นคำพูดของศิลปินแล้ว แต่เราไม่ได้ยินเสียง ก็ต้องรีบบอกผู้กำกับเสียง เขาก็รีบเปลี่ยนให้ คนที่ไม่รู้ว่ามีปัญหาเรื่องอุปกรณ์อาจจะว่าได้ว่าทำไมเราไม่แปล”
“หรือเวลาไปงานแถลงข่าวแล้วเราไม่ได้ยินเสียงศิลปินก็ต้องเข้าไปอยู่ใกล้ๆ แฟนคลับบางคนไม่ชอบ หาว่าเข้าใกล้เกินไป หรือปัญหาเรื่องการนึกศัพท์ภาษาไทยไม่ออก ก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษทับศัพท์แทน ในการแปลต้องใช้ความระวัง เคยมีคนในทวิตเตอร์ตำหนิว่าแปลแบบนี้ได้ไง เรื่องนี้อยากบอกว่าบางครั้งคำอาจจะไม่ตรงเป๊ะ แต่เจยองไม่ได้เปลี่ยนความหมายของสิ่งที่ศิลปินพูด ถ้ากังวลมากเกินไปจะทำให้กลัว พอกลัวก็จะแปลได้ไม่ดี บางครั้งก็ต้องปล่อย”
“ศิลปินที่ไม่น่ารักมีไหม…ก็มี แต่เราแสดงออกไม่ได้ บอกตรงๆ ว่าเจยองเป็นล่าม มีหน้าที่แปลอย่างเดียว ถ้าเราพยายามช่วยเขาแล้วเขายินดีก็จะช่วย ถ้าถามเขาว่าอยากเรียนภาษาไทยไหม แล้วเขาบอกว่าไม่เป็นไรหรือไม่เตรียมตัวอะไรเลยเจยองก็ตามใจ แต่เจยองว่าแฟนคลับรู้สึกได้ว่าคนไหนเตรียมตัวมาเพื่อแฟนคลับชาวไทยจริงๆ หรือแค่มาโชว์ตัวเฉยๆ หลายครั้งที่ได้อธิบายให้ศิลปินฟังว่าวัฒนธรรมของไทยกับเกาหลีบางอย่างไม่เหมือนกัน และบอกว่าแฟนคลับไทยน่ารัก ‘ถ้าอธิบายให้เข้าใจ เขาจะทำตามสัญญา’ แต่แฟนคลับที่ดื้อก็มี เช่น ตอนไฮทัชหรือกรุ๊ปโฟโต้ ห้ามถ่ายรูปก็แอบถ่าย ซ่อนกล้อง ถ้าเห็นก็ต้องบอกให้เก็บ หรือบางคนห้ามกอดก็ยังกอด อยากให้คิดว่าศิลปินไม่ได้กอดเราคนเดียว ถ้าคุณได้ คนอื่นก็ต้องอยากได้ งานแบบนี้ต้องทำให้แฟร์ที่สุดและนึกถึงตัวศิลปินให้มากที่สุด อย่างการฝากของ บางคนบอกว่าฝากให้ศิลปินหน่อย เจยองก็ทำให้ไม่ได้เพราะไม่มีสิทธิ์ ”
“เพิ่งทราบว่าตอนนี้หลายคนอยากเป็นล่ามเพราะมองว่าเป็นอาชีพที่ได้อยู่บนเวที ออกสื่อ และได้ทำงานร่วมกับศิลปิน บางคนบอกว่าอิจฉาที่ได้ทำงานตรงนี้ เจยองเข้าใจความรู้สึกนี้เพราะหัวใจของแฟนคลับที่มีให้ศิลปินของเขาเป็นหัวใจที่ใหญ่มาก เขารักของเขามาก ลองคิดกลับกัน อย่างเจยอนชอบบียอนเซ่มาก ถ้าเพื่อนเจยองได้ไปทำงานกับเขาแล้วเจยองรู้ก็คงอิจฉาหรือรู้สึกดีตาม”
“ท้ายนี้อยากขอบคุณแฟนคลับที่เอ็นดู คอยรักและให้กำลังใจ เจยองรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เติบโตและได้ทำงานในประเทศไทย อยากให้แฟนคลับบางคนเข้าใจในสิ่งที่เจยองทำ มีบางเรื่องที่อธิบายหรือพูดออกมาไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเซ้นสิทีฟ ก็หวังว่าจะเข้าใจการทำงานนะคะ…คัมซาฮัมนีดา”
เรื่องราวเพิ่มเติมของคุณเจยอง
- คุณเจยองเป็นคนเกาหลีแท้ๆ เรียนจบ Art-Eng ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรียนโรงเรียนไทยตั้งแต่ ป.1 – ป.5 เลยได้เรียนรู้ทั้งภาษาและวัฒนธรรมไทย
- รายการทีวีรายการโปรดคือรายการแนวสารคดี เช่น สารคดีเกี่ยวกับเด็ก การช่วยเหลือสัตว์ ช่วยเหลือคน
- ศิลปินที่ประทับใจในนิสัยคือ คยูฮยอน วงซูเปอร์จูเนียร์ “ล่าสุดเขามาจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งสุดท้ายในประเทศไทยก่อนเข้ากรม ซาบซึ้งมาก เขาร้องไห้ แฟนคลับร้องไห้ เจยองก็ร้องไห้แต่ต้องอั้นไว้เพราะกลัวแปลไม่ทัน เขาร้องเพลงภาษาไทยประมาณสามสี่เพลง รู้สึกว่าเขาตั้งใจทำเพื่อเอลฟ์ไทยจริงๆ ตอนเขาร้องเพลงไทยฟังแล้วขนลุกเลย”
ภาพ : JoJoJae ,สุเมธ วิวัฒน์วิชา ,Pannawat
ติดตามเรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
กึ้ง เฉลิมชัย ผู้พาศิลปินมาให้เหล่าแฟนคลับได้กรี๊ด
คิว ธิติพันธ์ พิธีกรขวัญใจติ่งเกาหลี
ไอดอลเกาหลี ทยอยเข้ากรม พร้อมส่งผลงานทิ้งทวนก่อนอำลา
The post เจยอง ล่ามเกาหลีที่เหล่าแฟนคลับชื่นชม appeared first on SUDSAPDA.COM.