Quantcast
Channel: ดารา – SUDSAPDA (สุดสัปดาห์) – TREND LIFESTYLE AND INSPIRATION
Viewing all articles
Browse latest Browse all 5124

บิวกิ้น-พีพี จากเพื่อนซี้ สู่บัดดี้ทางการแสดงที่ต้องจับมือก้าวไปด้วยกัน

$
0
0

บิวกิ้น-พีพี จากเพื่อนซี้ สู่บัดดี้ทางการแสดงที่ต้องจับมือก้าวไปด้วยกัน

อีกหนึ่งผลงานของนาดาว บางกอก ที่บอกเลยว่าเราตั้งตารอ งานนี้นาดาว ร่วมกับ LINE TV จับกระแสซีรีส์คู่จิ้น ส่งนักแสดงดาวรุ่ง บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล มาคู่กับ พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ในซีรีส์ “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” (I told sunset about you) ซีรีส์แนว Romantic Coming of Age ที่น่าประทับใจ สุดสัปดาห์ไม่รอช้าคว้าตัวทั้งคู่มาถ่ายแฟชั่น Digital Cover ก่อนใคร พร้อมสัมภาษณ์ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการถ่ายทำ คอนเฟิร์มว่าหล่อ ละมุน น่ารัก อบอุ่น ครบจัดเต็มทุกอารมณ์ไม่แพ้ในซีรีส์เลย

อยากให้ทั้งคู่ช่วยเล่าถึงบทและคาแร็คเตอร์ใน ‘ซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ หน่อยค่ะ

บิวกิ้น:  ผมรับบทเป็น ‘เต๋’ เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีความฝันชัดเจน มองเห็นตัวเองชัดว่าโตไปแล้วอยากเป็นอะไร อยากจะไปทำอะไร เป็นเด็กวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยแพชชั่น ด้วยความที่เป็นคนชัดเจน เต๋เลยมีความมุ่งมั่นมากๆ ว่า สิ่งที่ตั้งเป้าไว้ต้องทำให้ได้ และเป็นคนชอบเอาชนะ ชอบการแข่งขัน เป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียนเก่งด้วยครับ

พีพี สวมเสื้อผ้าจาก FENDI / บิวกิ้น สวมเสื้อผ้าจาก Salvatore Ferragamo / เครื่องประดับจาก Ravipa Jewelry

มีความเหมือนบิวกิ้นเลยนะคะ

บิวกิ้น:   ถ้าพี่ว่าเหมือนก็ได้นะ โอเคครับเหมือนก็เหมือน  (หัวเราะ) คือ… มีความคล้ายตัวผมเองด้วยครับ ตรงที่เป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจทำอะไรแล้วอยากทำให้ออกมาให้สำเร็จ ทำออกมาให้ดี

พีพี:  ในเรื่องพีเล่นเป็น ‘โอ้เอ๋ว’ เป็นคนที่เรียนไม่เก่งครับ ความฝันไม่ชัดเจน แต่ว่าเป็นคนที่ชอบเอาชนะเหมือนกัน

บิวกิ้น: ในเรื่องโอ้เอ๋ว จะเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ เหมือนกับว่าที่ผ่านมา สังคมบอกเขาว่าเขาเป็นเด็กที่ไม่เก่งมาตลอด มันเลยทำให้ตัวละครของเขาจะมีความไม่มั่นใจในตัวเอง ถามว่าเป็นปมของโอ้เอ๋วมั้ย ก็นิดนึง ไม่ใช่เขาจะไม่สู้นะ สู้เหมือนกัน สู้ในมุมของเขา แต่จะไม่มั่นใจตัวเอง

พีพี:  ใช่ครับ สำหรับตัวโอ้เอ๋วจะมีความคล้ายพีตรงที่ งอแงๆ นิดนึง ตัวจริงเราก็เป็นแบบนี้บ้าง (ยิ้ม)

บิวกิ้น-พีพี สวมเสื้อผ้าจาก Ermemegildo Zegna

ทำไมซีรีส์ถึงชื่อว่า ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ 

บิวกิ้น:  ด้วยความที่เรื่องนี้ เป็นซีรีส์ดราม่า และเป็นแนว Coming of Age  ซึ่งตัวละครจะได้เรียนรู้ชีวิตหลายๆ ด้าน เช่น เรื่องใหญ่ที่สุด ก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ เรื่องราวของเด็กผู้ชายสองคนที่ไม่รู้ใจตัวเอง ไม่มั่นใจ คือเขาจะมีความไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วการแปลคำถามที่เกิด ก็เพื่อที่เราจะก้าวข้ามไปอีกวัยหนึ่ง และด้วยใจเธอนี่แหละ ที่จะมาเป็นตัวช่วยแปลความรักของฉัน ทำให้ฉันเข้าใจและทำให้ฉันเติบโตขึ้น

ที่ว่าดราม่าหนัก ต้องเจออะไรบ้าง

บิวกิ้น: เป็นซีรีส์ 5 ตอน ที่มีตัวละครหลักจริงๆ 2 คน คือโอ้เอ๋วกับเต๋ มุมที่หยิบมาเล่าความดราม่านั้น ผมคิดว่าพวกเราน่าจะเคยก้าวข้ามผ่านจุดนั้นมาแล้ว ช่วงวัยนั้นก็จะมีเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ เพื่อน หรือแม้แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย จริงๆ มันมีหลายมุมที่ถูกหยิบมาเล่า พอเรามองย้อนกลับไปมันดูเป็นเรื่องเล็กน้อย  แต่ ณ ตอนที่เราอยู่ในวัยนั้น เฮ้ย! จริงๆมันเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกันนะ

พีพี:  ในเรื่องจะไล่เป็นไทม์ไลน์ จะเล่าถึง ช่วงม.6 ถึงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย

บิวกิ้น:  จะมีบางคนที่เคยผ่านมุมนี้มา ผมคิดว่าเขาก็น่าจะเข้าใจ แต่อาจจะมีคนไม่เคยเจอมุมนี้ก็จะเข้าใจฟีลมากขึ้น พ่อแม่เข้าใจลูกมากขึ้น ลูกเข้าใจพ่อแม่มากขึ้น

พีพี:  ได้เรียนรู้อะไรจากตัวละครได้หลายแง่มากเลยครับ อย่างพาร์ทของเราสองคน มีทั้งเล่าเรื่องของครอบครัว เรื่องของเพื่อน ความสัมพันธ์ เรื่องเรียน

บิวกิ้น:  เหมือนเป็นการตีแผ่เรื่องราวของช่วงเวลาของเด็กวัยนี้ ฝั่งนึงเป็นครอบครัวที่กดดันลูก อีกฝั่งปล่อยลูกสบายๆ มันจะมีดีเทลแต่ละมุมของตัวละคร ที่เราจะได้เรียนรู้และเข้าใจไปพร้อมๆ กัน

 

 

บิวกิ้น-พีพี ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมความพร้อมอะไรเป็นพิเศษในการเล่นเรื่องนี้บ้างคะ

บิวกิ้น:  คือผมไม่เคยถ่ายงานไหนแล้วรู้สึกหมดพลังขนาดนี้เลย มีครั้งหนึ่งถ่ายโลเคชั่นที่บ้าน ผมมีถ่าย 4 คิวติดกัน 4 คิวนี้มีผมทุกซีน ถ่ายตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงค่ำ ไม่มีแก๊บว่างให้เตรียมตัวในซีนถัดไปเลย ถ่ายเสร็จรุ่งเช้าต้องถ่ายอีก แล้วคืนนั้นเราก็ต้องเตรียมตัวสำหรับถ่ายของอีกวัน

พีพี:  พีเจออยู่หนึ่งคิว เริ่มถ่ายทำตอนตี 4 ด้วยซีนร้องไห้ แล้วเราก็ร้องๆๆ วนไปจนถึง 11 โมง เสร็จซีนนี้ปุ๊บ มีซีนลงไปที่ทะเล ขึ้นมาก็ร้องๆ ต่อถึง 4 โมงเย็น สลับ ขำ หัวเราะ และร้องไห้ จนเกือบถึงเที่ยงคืนอะครับ เป็นการร้องไห้สลับหัวเราะ วนไปวนมาก ไบโพล่าร์มากครับ (หัวเราะ) ถ้าต้องร้องไห้เยอะ ใช้พลังเยอะ พีจะกินน้ำเกินวันละ 7 ลิตร กินน้ำเยอะๆ เป็นวิธีช่วยทำให้ไม่เหนื่อย สดชื่นด้วย ถ้าอ่อนล้ามากๆ ก็เติมหวานนิดนึงด้วยช็อคโกแลตบาร์

บิวกิ้น: เหมือนกันครับ ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วก็กินข้าวให้อิ่ม

พีพี: อีกเรื่องคือพีต้องลดน้ำหนักลงมาประมาณ 10 กิโลกรม จาก 65 กิโลกรัม เหลือ 55 กิโลกรัม พี่บอส ผู้กำกับอยากให้ทำน้ำหนักให้เท่ากับเมื่อตอนที่เราอยู่ ม.6 เลยต้องลดครับ พีใช้วิธีคุมอาหารครับ พยายามแบ่งสัดส่วนการกิน คือในวันหนึ่งจะกินให้ไม่เกิน 1,500 แคลอรี่ เน้นปลากับผัก จะกินผักแทนข้าว ลดของหวานทุกอย่าง ของหวานพีก็ไม่กิน โชคดีที่เราไม่ติดหวาน เป็นคนกินจืดอยู่แล้วครับ เลยไม่ค่อยรู้สึกว่ามันยากที่จะลดน้ำหนัก  ชา-กาแฟ ปกติก็ไม่ใส่น้ำตาลอยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกทรมานอะไร เป็นคนชอบกินอาหารประมาณนี้อยู่แล้ว ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่งครับ หลังจากปิดกล้องน้ำหนักก็ขึ้นมา 4 กิโลครับ ตอนนี้อยู่ประมาร 58-59 กิโลกรัม

บิวกิ้น:   ของผมก็ลดเหมือนกันครับ ลดไปได้ประมาณ 6-7 กิโลกรัม แต่ผมจะออกกำลังกายไปด้วย ช่วงแรกน้ำหนักผมไม่ลดเลยครบ กินคลีนแต่ว่ากินเยอะ

(คลีนที่แปลว่ากินหมดหรือเปล่า?)

บิวกิ้น:  (หัวเราะ) นอกจากนี้ก็จะมีเวิร์คช็อปทางการแสดง และต้องเรียนภาษาจีนด้วย เพราะว่าครอบครัวของเต๋เป็นคนจีนครับ ในเรื่องเราใช้ภาษาจีนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เต๋ต้องเก่งภาษาจีน ต้องพูดจีนคล่อง ผมก็ต้องเรียนด้วย ซึ่งยากมากครับ

จากรักฉุดใจฯ ที่เป็นนักแสดงร่วม สู่การเป็นนักแสดงหลักในแปลรักฉันด้วยใจเธอ กดดันมากน้อยแค่ไหนคะ

บิวกิ้น:  กดดันมาก… ความที่เป็นนักแสดงนำ จะเห็นแบ็คกราวนด์และความสำคัญในซีนเยอะ เราต้องทำการบ้านอย่างดี เพราะต้องดำเนินเรื่องหลักทั้งหมด การเตรียมตัว ความกดดัน ความรับผิดชอบ ทุกๆ อย่างหนักขึ้น คูณ 10 จากรักฉุดใจฯ ยอมรับว่ากดดันมาก เพราะเราก็รู้ว่าแฟนๆ รอที่จะดู

พีพี:  ทันทีที่แฟนๆ รู้ว่าจะมีโปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้น ติดเทรนด์ด้วย เราก็ห๊ะ! ตกใจมาก คือมันเป็นกำลังใจที่ดีมาก แต่ในขณะเดียวเราก็กดดันตัวเองไปด้วย คือเบื้องหลังการถ่ายทำกว่าจะเล่นได้ กว่าจะปิดกลอ้ง เราโดนพี่บอสด่าจนร้องไห้กันไปไม่รู้กี่รอบเนอะ

บิวกิ้น:  ช่าย (ยิ้ม) คือเราสองคนเข้าใจครับ พี่บอสเขาด่าด้วยความหวังดี เพราะอยากให้ผลงานมันออกมาดี เขาอยากให้มันออกมาใช่ที่สุด

เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน พอมาทำงานด้วยกัน ทำให้มีกำลังใจและการทำงานราบรื่นขึ้นมั้ย

บิวกิ้น-พีพี:  ช่วยได้มากๆ ครับ

บิวกิ้น:  เราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว สนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน เลยไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก ไม่ต้องสร้างความคุ้นเคยกัน เราพร้อมที่จะซัพพอร์ทกัน จูนกันง่ายขึ้นเวลาทำงาน รวมถึงพี่บอส ผู้กำกับด้วยนะครับ ต่างก็พอรู้แนวกัน เพราะทำงานด้วยกันมาก่อน

พูดจริงๆ เลยนะ ถ้าผมไม่ได้เล่นกับพีพี ผมไม่รู้เลยว่าผมจะทำมันได้ดีหรือเปล่า คือนึกไม่ออกเลยว่า ถ้าโอ้เอ๋วไม่ใช่เขา ผมก็นึกไม่ออกว่าจะเล่นกับใคร แล้วใครที่เหมาะ หรือดีกว่านี้ ไม่มีแล้วครับ

พีพี:  สำหรับพี คือถ้าสมมติเราเล่นกับคนอื่น ก็อาจจะเล่นได้ แต่ถ้าให้เล่นออกมาดีที่สุดก็ต้องเล่นกับเขา พีถึงจะทำมันออกมาได้ที่สุดในแบบที่ควรจะเป็น

บิวกิ้น:  อย่างที่บอกว่า การทำงานหนักหน่วงมาก ทั้งบท ทั้งการทำงานที่เราสองคนต้องเข้าทุกซีน การมีเพื่อน มีบัดดี้ทางการแสดงที่เข้าใจกัน มันโอเคมากๆ เขาซัพพอร์ตเรา เราซัพพอร์ตเขา ถ้าคนใดคนหนึ่งเข้าซีน ถึงแม้กล้องจะไม่จับอีกฝ่ายหนึ่ง คือถ้าพีพีเข้าซีน แต่กล้องไม่จับผม ผมก็จะยืนอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น คอยส่งอารมณ์ให้ เขาเองก็ทำแบบนี้กับเราเช่นกัน คือยืนกันอยู่ห่างๆ คอยเป็นกำลังใจ สำหรับการทำงานงานเรื่องนี้ เราต้องจับมือไปด้วยกันให้รอด ไปให้ดีที่สุดครับ ดีใจนะที่ได้ทำงานกับเขา

 

ที่บอกว่าเรื่องนี้ดราม่า แล้วซีนชวนจิ้นมีบ้างมั้ยคะ

บิวกิ้น: ซีนคุยกันบางคนก็อาจจะรู้สึกจิ้นได้

พีพี:  มันเล่าเรื่องความสัมพันธ์มากกว่าครับ แล้วถ้าแฟนๆจะไปจิ้นตรงนั้นก็ได้อยู่

บิวกิ้น:  เอาจริงๆ นะ มันอาจจะไม่ได้มีโมเม้นท์จิ้นกันแบบหนักหน่วง แต่มันจะมีเสน่ห์บางอย่างของแต่ละซีนมากกว่าครับ ซึ่งจะทำให้คนดูยิ้มได้เหมือน ไม่ว่าจะความมุ่งมั่นของตัวละคร ความเป็นห่วงกันอ้อมๆ แค่นี้ผมเชื่อว่าก็จิ้นได้แล้วนะ เดี๋ยวลองดูกันตอนออนแอร์ครับ (ยิ้ม)

บิวกิ้น-พีพี

ความเข้าพระเข้านาย จะมีเหมือนเรื่องอื่นๆ บ้างมั้ย

พีพี: ต้องไปลุ้นๆ (ยิ้ม)

บิวกิ้น: อาจจะมีหรืออาจจะไม่มี อาจจะมีซีนที่บางคนอาจจะคิดว่าใช่ บางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่ก็ได้

พีพี: ต้องไปรอดู (ยิ้ม)

บิวกิัน-พีพีรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อไรคะ

บิวกิ้น:  จริงๆ เราเคยเจอกันที่เรียนพิเศษมาก่อน แต่ไม่เคยคุยกัน คือมองหน้ากัน จำหน้าได้ แต่มาคุยกันเพราะว่ามาอยู่นาดาวด้วยกัน ตอนเจอกันครั้งแรกเรารู้สึกว่า คนนี้ไม่น่าคบ ไม่อยากคุยด้วย

พีพี: ผมเจอเขา ผมก็ไม่คุยกับเขานะ แต่เขาเป็นคนชวนผมคุย

บิวกิ้น: ชวนคุยตั้งแต่ที่เรียนพิเศษเพราะว่า… พอเรารู้ว่าเขาอยู่นาดาวแล้ว เดี๋ยวจะต้องมีวันที่เราไปเวิร์คช้อปด้วยกัน ก็ชวนคุยหน่อยแล้วกัน

พีพี: เขาแค่อยากสนิท…

บิวกิ้น:  ไม่ได้อยากสนิท แค่เดินเข้าไปถามว่า เดี๋ยวจะต้องไปเวิร์คช้อปใช่มั้ยแค่นี้เอง หลังจากนั้นเขาก็มาตีซี้ผม เฮ้ย! ไปนั่นกันมั้ย กินนี่มั้ย คือผมแค่เป็นคนเปิดว่าไหนๆเราจะต้องเจอกัน เผื่อได้ร่วมงานกัน ก็ทักทายไว้เป็นมิตรภาพที่ดี ดีกว่าจะมานั่งเขม่นกัน พอผมเปิด เขาก็พุ่งเข้ามาเลย เพราะเขาอยากสนิทกับผม (หัวเราะเอิ๊กอ๊าก)

พีพี: เขาอยากสนิท ก็เลยมาชวนพีคุยครับ
บิวกิ้น: ผมทักเป็นมารยาทเท่านั้นแหละ สุดท้ายก็มาชวนไปนั่นไปนี่

พีพี: ผมก็ชวนเป็นมารยาท (หัวเราะ)
บิวกิ้น: (หัวเราะ)

บิวกิ้น-พีพี สวมเสื้อผ้าจาก PRADA

จากที่ทักทายเป็นมารยาท สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ สนิทกันได้ยังไงคะ 
พีพี:  ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมอยู่ม.6 แล้วเขาอยู่ ม.5 เราก็เจอกันที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษนั่นแหละ ม.6  ทุกคนวุ่นกับการสอบ แต่พีชิล เพราะมีคะแนนแล้ว แล้วช่วงนั้นเขาก็ว่างพอดี คือเขาก็มีคะแนนแล้วเหมือนกัน เพื่อนคนอื่นๆ ไม่ว่างเพราะเตรียมสอบ เวลาว่างพร้อมกันก็เลยชวนกันไปลั้นลาได้

บิวกิ้น: คือเวลาว่างตรงกัน
พีพี: ไปเรียน กินข้าว ดูหนัง
บิวกิ้น: เราก็ว่างเหมือนเขา มีกิจกรรมที่นาดาวเหมือนกัน ไดเรคติ้งใกล้เคียงกัน เจอกันตอนทำงานงานด้วย เสร็จงานแล้วก็ ไปกินข้าวกัน เลยทำให้สนิทกันเร็ว

 

บิวกิ้น-พีพี

คำถามสุดท้ายก่อนแยกย้าย อยากรู้ว่าทั้งคู่มีมุมมองต่อความรักเพศเดียวกันอย่างไรคะ

พีพี:  ก็คือความรักอีกรูปแบบหนึ่งครับ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยครับ คือความรู้สึกดีๆ ความห่วงใย มิตรภาพที่มีให้กัน

บิวกิ้น:  ง่ายๆ แบบไม่ซับซ้อนเลย ผมว่ามันก็คือความรักอะครับ จะความรักแบบไหน ความรักมันก็คือความรัก มันไม่ได้มีข้อจำกัด ไม่จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ครับ สำหรับผม ความรักไม่มีนิยาม ใครจะรักใครได้

พีพี:  รักก็คือรัก

บิวกิ้น:  ใช่! “หลงก็คือหลง ถ้าถามชาวประมงก็คงไม่เข้าใจ”

(หัวเราะกันยกวงสนทนา)

ฝากผลงานซีรีส์ ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ กับแฟนๆ สุดสัปดาห์ได้เลยค่ะ

บิวกิ้น:  แปลรักฉันด้วยใจเธอ เป็นซีรีส์ดราม่าที่พูดถึงหลายๆ มุมของช่วงวัย ม.ปลายครับ อยากให้ทุกคนดู เพราะจะมีหลายๆมุมที่ทุกคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับวัยรุ่นม.ปลายยุคนี้ หรือว่าความสัมพันธ์ในเรื่องของความรัก  มุมมองต่อครอบครัว มุมมองของเพื่อน รวมถึงแฟคเตอร์อื่นๆ ที่จะมากระทบวัยรุ่น ดูแล้วผู้ใหญ่เข้าใจเด็กมากขึ้น เด็กเข้าใจผู้ใหญ่มากขึ้นเช่นกัน เบื้องหลังเรื่องนี้ทุกคน ทุกฝ่ายตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด และคิดว่าทุกคนน่าจะชอบนะครับ ฝากซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ ด้วยครับ ออนแอร์ทาง Line TV ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 น. เริ่ม 22 ตุลาคมนี้นะครับ

บิวกิ้น-พีพี

นายแบบ: บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล / พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร

ช่างภาพ: Naowapoj Phothikasem

สไตลิสต์: Akaphol Ruthaiyanont
ผู้ช่วยสไตลิสต์: Kanathit konchuenpreecha  / Napapach Sripatta

สัมภาษณ์: AuAi

ขอบคุณ: นาดาว บางกอก

เสื้อผ้าและเครื่องประดับ:

PRADA ‭ Central Embassy 1 fl. Tel. 02-160-5744‬

Salvatore Ferragamo Siam paragon M fl. Tel. 02 610 9463

FENDI  สยามพารากอน ชั้น M โทร 02-610-9287

Ermemegildo Zegna Siam Paragon M fl.
Tel. 02-610-9355

Ravipa jewelry IG: @ravipajewelry

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เรื่องย่อซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ บิวกิ้น-พีพี ทุ่มสุดตัวกับบทนำการแสดงครั้งแรก

 

 

 

The post บิวกิ้น-พีพี จากเพื่อนซี้ สู่บัดดี้ทางการแสดงที่ต้องจับมือก้าวไปด้วยกัน appeared first on SUDSAPDA (สุดสัปดาห์) - TREND LIFESTYLE AND INSPIRATION.


Viewing all articles
Browse latest Browse all 5124

Trending Articles


ทำความรู้จัก ค่ายต้นสังกัดดาราจีน...


เราได้ทำการสมัครแอพเงินกู้ ทรัพย์พลัสไปแต่อยากยกเลิกควรทำยังไงดีคะ


ใช้บัตร M Pass ถ้าจะนั่งที่นั่ง Honeymoon,Opera Chair...


ดูคลิป เจ๊โอ๋ เน็ตไอดอลรุ่นใหญ่ ขวัญใจสาวโซเชียล สายหื่นไม่ควรพลาด


อีซูซุ สาขาสำนักงานใหญ่ อำเภอเมืองชุมพร


อ.จุฑารัตน์ ดูดวงวงศ์สว่าง21 ไม่เปิดหรอ?


งานฝีมือทําที่บ้าน รับคนประกอบดอกไม้ รายได้เสริม รับซื้อร้อยละ 10 บาท


วิธีนับข้อมูลใน Pivot แบบไม่นับตัวที่ซ้ำกัน (Distinct Count)


จงเตรียมพร้อม !!! iOS 8.1.3 ปล่อยสัปดาห์หน้า


แจกภาพพื้นหลัง iPhone สวยๆ (อัปเดต) หลายภาพหลายรูปแบบ



<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>