5 วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองต้านโควิด-19 โดยแพทย์ชาวไต้หวัน เจียงโส่วซาน

ในช่วงที่ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 (COVID-19) กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก การป้องกันตัวเองจากการแพร่เชื้อไม่ได้จำเป็นต้องอาศัยแค่การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ การไม่อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราเองด้วย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยเจียงโส่วซาน (Jiang Shoushan) นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวักกวิทยาชื่อดังของไต้หวัน ได้แนะนำ 5 วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองต้านโควิด-19 แบบง่ายๆ มาให้ทุกคนได้ทำตามและฝ่าฟันโควิด-19 ไปพร้อมกัน ดังนี้ค่ะ

5 วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองต้านโควิด-19 โดยแพทย์ชาวไต้หวัน เจียงโส่วซาน

นายแพทย์ไต้หวัน - เจียงโส่วซาน

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

อันดับแรกซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่คนมักจะมองข้ามความสำคัญไปคือ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยคุณหมอเจียงโส่วซานแนะนำว่า ทุกคนควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 7 ชั่วโมง หากน้อยกว่านั้น จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่ายกายของเราลดลง

วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองต้านโควิด-19

กินดี

คำว่า กินดี ในที่นี้ของคุณหมอเจียงโส่วซานไม่ได้หมายถึงให้ทุกคนกินอาหารหรูที่ทำจากวัตถุดิบชั้นเลิศ แต่หมายถึงอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีน เพราะโปรตีนจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ยกตัวอย่างเช่น อกไก่ ไข่ไก่ ทูน่า ข้าวกล้อง เต้าหู้ ถั่วเหลือง เนยถั่ว อัลมอนด์ ถั่วลันเตา นมวัว เป็นต้น นอกจากนี้คุณหมอยังแนะนำว่า อย่ากินอาหารหรือเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยน้ำตาลมากจนเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) เนื่องจากหากกินเข้าไปในปริมาณมากจะส่งผลให้การทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวและเซลล์ภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง โดยเซลล์เม็ดเลือดขาวจะหยุดการทำงานไป 5 – 6 ชั่วโมงถึงจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวทำงานอีกครั้ง

เติมวิตามินดีให้ร่างกาย

หนึ่งในรูปแบบการแพร่เชื้อของโควิด-19 คือ เมื่ออากาศหนาวเย็นขึ้น การแพร่ระบาดจะมีโอกาสกระจายเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยคุณหมอเจียงโส่วซานอ้างถึงงานวิจัยของสหรัฐฯ ที่ให้เด็ก 2 กลุ่ม กินวิตามินดีของจริงและวิตามินดีปลอม ซึ่งจากการวิจัยเห็นได้ชัดว่า ในช่วงที่อากาศหนาวเด็กที่ได้รับวิตามินดีของจริง อัตราการติดเชื้อทางเดินหายใจจะลดลงถึง 2 ใน 3 ดังนั้น การเติมวิตามินดีให้ร่างกายก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน โดยวิตามินดีจะเจอได้จากการรับแสงแดดยามเช้า หรืออาจจะหาซื้ออาหารเสริมวิตามินดีมากิน รวมไปถึงกินอาหารที่เป็นแหล่งวิตามินดีก็ได้ เช่น ปลาจำพวกที่มีไขมันสูงอย่างปลาซาร์ดีน แซลมอน ทูน่า น้ำมันตับปลา เห็ด เป็นต้น

วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองต้านโควิด-19

กลั้วปากทุกวัน

อีกหนึ่งงานวิจัยที่คุณหมอเจียงโส่วซานอ้างถึงคือผลการวิจัยของญี่ปุ่นที่รายงานว่า การที่เชื้อไวรัสจะแทรกซึมเข้าไปถึงเซลล์ร่างกายของเราได้จะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ซึ่งการกลั้วปากจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ โดยสามารถใช้ได้ทั้งน้ำเปล่า น้ำเกลือ น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของโพวิโดน-ไอโอดีน (Povidone-iodine) น้ำยาบ้วนปากทั่วไป หรือแม้แต่น้ำชาก็นำมากลั้วปากได้ เพราะชามีสรรพคุณหนึ่งในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้

อาบน้ำอุ่น

ตามการวิจัยของอิสราเอล ญี่ปุ่น ฟินแลนด์ระบุว่า การอาบน้ำอุ่นทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ซึ่งช่วยต้านการแพร่เชื้อไวรัสได้ในทางหนึ่ง ดังนั้นหากทุกคนสามารถอาบน้ำอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 41 องศาได้ 4 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ อย่างน้อยที่สุดอาบครั้งละ 5 นาทีเป็นอย่างต่ำ การติดเชื้อไวรัสสามารถลดลงได้ถึง 60% รวมไปถึงออนเซ็นหรือการแช่น้ำอุ่นก็มีผลเช่นเดียวกัน

วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองต้านโควิด-19

นอกจาก 5 วิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองต้านโควิด-19 ของคุณหมอเจียงโส่วซานที่สุดฯ ได้พูดถึงไปข้างต้นแล้ว สุดฯ ยังได้รวบรวม 12 วิธีเซฟตัวเองในช่วง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ที่นำเสนอโดยนายแพทย์สวีเฟิง (Xu Feng) รองผอ.แผนกการแพทย์เฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อของโรงพยาบาล The Second Affiliated Hospital, Zhejiang University School of Medicine มาฝากให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้ เพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเอง ครอบครัว คนที่เรารัก รวมไปถึงเพื่อชาติ ให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกันค่ะ #มีประ โยชน์มากอยากบอกต่อ

12 วิธีเซฟตัวเองในช่วง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”

หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านให้มากที่สุด ไม่ไปในที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
หากจำเป็นต้องออกจากบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอด
หากมีเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายที่เคยใส่ไปในสถานที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ สามารถใช้วิธีนำไปแช่ในน้ำเดือด เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อได้
เตรียมของกิน ของใช้ หน้ากากอนามัย สบู่ น้ำยาล้างมือ ฯลฯ อย่างพอประมาณ
ควรทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค
เปิดหน้าต่างระบายอากาศภายในบ้านวันละ 2 ครั้งขึ้นไป ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที
พื้นบ้าน ผนังบ้าน รวมไปถึงบนโต๊ะ ควรทำความสะอาดฆ่าเชื้อบ้าง โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดพื้นบ้าน ผนัง บนโต๊ะก่อนรอบหนึ่ง หลังจากนั้น 30 นาที ค่อยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดซ้ำอีกครั้ง
ของใช้ในครัว ช้อน ส้อม และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการกินอาหาร สามารถใช้วิธีนำไปแช่ในน้ำเดือด โดยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อฆ่าเชื้อได้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีชีวิต รวมไปถึงสัตว์ป่า อาหารทุกชนิดที่กินจะต้องปรุงสุกก่อน
ล้างมือบ่อยๆ มือเป็นอวัยวะของร่างกายที่สามารถนำไปสู่การติดเชื้อได้ง่ายที่สุด ดังนั้น ต้องล้างมือทุกครั้ง ก่อน/หลังทำอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำ ทำความสะอาดห้องน้ำ เป็นต้น ควรใช้สบู่หรือเจลล้างมือให้สะอาดตามหลักการล้างมือที่ถูกต้อง (ควรล้างด้วยสบู่หรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ ใช้เวลาประมาณ 40-60 วินาที)
สร้างนิสัยการรักษาสุขภาพ อย่างเช่น การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม จัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้ถูกสุขลักษณะ ไม่ใช้ผ้าขนหนูร่วมกับผู้อื่นแม้จะเป็นคนในครอบครัว รักษาความสะอาดในบ้าน รวมไปถึงเครื่องครัวด้วย
หมั่นตรวจเช็คสุขภาพของตัวเองและคนในบ้านเป็นระยะ โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย ดีที่สุดควรวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งเช้าและเย็นในทุกๆ วัน และหมั่นสังเกตตัวเองและคนในบ้านหากมีอาการผิดปกติ