เธอเปลี่ยนไปนะที่รัก! ส่องวิวัฒนาการความหล่อของ จัสติน บีเบอร์ ในแต่ละยุค #ปีต่อปี

นักร้องหนุ่มสุดหล่อผู้มีนิสัยสุดเหวี่ยงสุดมันส์อย่าง จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) เป็นคนที่มีสไตล์เปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัยมากที่สุด แต่ไม่ว่าเขาจะแต่งตัว หรือไว้ทรงผมอย่างไร ก็เป็นกระแสฮอตฮิตติดเทรนด์ให้ทุกคนพูดถึงหรือทำตามกันนักต่อนัก เรามาดูกันดีกว่าว่า หนุ่มจัสตินมีวิวัฒนาการในแต่ละปีอย่างไรบ้าง

เธอเปลี่ยนไปนะที่รัก! ส่องวิวัฒนาการความหล่อของ จัสติน บีเบอร์ ในแต่ละยุค #ปีต่อปี

ปี 2009 -2010

นักร้องหนุ่มก้าวเข้าสู่วงการเพลงในปี 2009 ในตอนนั้นเขาเพิ่งมีอายุได้เพียง 15 ปีเท่านั้น เพราะฉะนั้นสไตล์การแต่งตัวและทรงผมจึงออกแนวใสๆ เป็นหนุ่มน้อยวัย high school ตอนนั้นจัสตินไว้ทรงผมที่มีลักษณะคล้ายทรงบ็อบแบบสั้นและมีหน้าม้าที่ยาวปิดหน้าผาก เขาเคยเผยว่าแรงบันดาลใจมาจากนักร้องระดับตำนานอย่าง The Beatles อีกทั้งทรงผมนี่ยังเหมาะแก่การออกทัวร์อีกด้วย เพราะว่าไม่ต้องจัดทรงอะไรมากมายนัก ส่วนการแต่งตัวของเขาในยุคนี้ ยังเป็นแบบเรียบง่าย มีกลิ่นอายความเป็นนักร้องบอยแบนด์อยู่

ปี 2011

หลังจากไว้ทรงผมแบบหนาๆมาหลายปี จัสติน ก็ได้จัดการเล็มผมของเขาออก ทั้งบริเวณด้านหน้าและด้านข้าง แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างมากที่สุดคือการเล็มหน้าม้าของเขา ทำให้ลุคโดยรวมของเขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ยิ่งบวกกับการได้คบหากับนักร้องสาวซุปตาร์เซเลน่า โกเมซ (Selena Gomez) ยิ่งทำให้เขาดูแตกเนื้อหนุ่มมากขึ้นอีก และในปลายปีนั้นเอง เขาก็ได้จัดทรงผมใหม่ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในทรงที่โด่งดังที่สุดของเขา คือทรงผมแบบปัดตั้ง ที่ทำให้จัสตินดูมีเสน่ห์มากขึ้นเป็นกอง

ปี 2012

จัสตินปล่อยผมให้ยาวขึ้นในปีนี้ เพื่อที่เขาจะได้ทำทรงเสยไปข้างหลังหรือ Slicked back นอกจากนี้ปีนี้เขายังกล้าที่จะเล่นกับสีสันมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับการเดินพรมแดง

ปี 2013

ปีนี้เป็นปีที่จัสตินประกาศความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เสมือนกับว่าเขาอยากประกาศว่าเขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว จัสตินจัดการตัดผมให้สั้นพร้อมใช้เจลเซ็ทหน้าม้าด้านหน้าขึ้นมา และทรงนี้ก็กลายเป็นทรงที่ได้รับการโหวตว่า เซ็กซี่ที่สุด ในบรรดาทรงผมทั้งหมดของเขา แถมปีนี้ยังเป็นปีที่เขามีรอยสักเป็นครั้งแรก และจัสตินก็ไม่อายเลยที่จะโชว์มันออกมา ในส่วนของเครื่องประดับนั้น จัสตินจะเลือกใส่เฉพาะสิ่งที่ดูเป็นแบด บอย จึงทำให้ลุคของเขาปีนี้โดนใจสาวๆเป็นที่สุดๆ แต่ปี 2013 ก็เป็นอีกปีที่เขาเริ่มมีข่าวเสียๆหายๆแล้วเช่นกัน

ปี 2014

ปีนี้เป็นปีที่จัสตินมีลุคที่ค่อนข้างเรียบร้อย แม้ทรงผมอาจจะหลากหลาย มีทั้งสั้นและปล่อยยาว แต่การแต่งตัวของเขาในปีนี้จะเรียบร้อยเสมอ และจะไม่ค่อยมีเสื้อหลุดออกนอกกางเกงให้เห็น

ปี 2015

จัสตินในปี 2015 ต้องการหลุดจากอะไรเดิมๆ จึงทดลองอะไรใหม่ๆหลายอย่าง เพราะฉะนั้นสไตล์ของเขาในปีนี้จึงออกมาหลากหลาย และใช้แบรนดีไซเนอร์ค่อนข้างเยอะ การแต่งตัวของเขาในปีนี้ตีตลาดวัยรุ่นได้เป็นอย่างดีละมีคนแต่งตามเขามากมาย โดยเฉพาะเสื้อวง Nirvana นั้นขายดีฮอตฮิตเป็นที่สุด

ปี 2016

โดนวิจารณ์กระหน่ำทีเดียว สำหรับสไตล์ของเขาในปีนี้ เพราะมันเริ่มออกทะเลไปนิด เริ่มจากการไว้ผมทรง Dread lock ซึ่งเป็นทรงผมของชาวแอฟริกัน- อเมริกัน ที่แม้จัสตินจะชอบทรงนี้มาก แต่แฟนคลับของเขาไม่ให้ผ่านเลย จัสตินโดนวิจารณ์อย่างหนักจนต้องออกมาโต้ตอบทางอินสตาแกรมเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังชอบใส่เสื้อที่ใหญ่กว่าตัวหลายเท่านัก จนบรรดาคอแฟชั่นงงไปตามๆกันทีเดียว

ปี 2017

จุดเริ่มต้นของการปล่อยตัวของจัสติน ปีนี้นั้นสไตล์ของเขาเริ่มมาในแนวสบายๆ ไม่แต่งตัวมาก แม้ว่าจะมีการตัดผมแต่ก็ไม่ใช่ทรงที่เรียบร้อย และไม่มีการแต่งผมใดๆทั้งสิ้น เสื้อผ้าของเขาในปีนี้จะออกแนวลุงๆ สบายๆ เน้นความสบายของการสวมใส่มากกว่าจะคำนึงถึงภาพลักษณ์ ลุคที่เป็นที่จดจำของยุคนี้คือการที่เขาใส่เสื้อเอี๊ยมทับฮู้ดดี้จนคนแซวกันใหญ่ว่าดูคล้ายกับชาวนาเป็นที่สุด

ปี 2018

ปล่อยตัวปล่อยใจที่แท้จริง จัสติน บีเบอร์ในปัจจุบันดูราวกับว่าเขาไม่สนใจภาพลักษณ์ใดๆอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่เสื้อที่ไม่ได้ขนาด กางเกงทรงแปลกๆ หรือแม้แต่ผมเผ้าที่มักจะกระเซอะกระเซิงและหนวดเคราที่ไม่ได้โกน สาเหตุที่เขาไม่ดูแลตัวเองในปีนี้ อาจเป็นเพราะมีเรื่องเกิดขึ้นกับเขาหลายๆอย่างในช่วงปีนี้ ทั้งการเลิกราอย่างถาวรกับเซเลน่า โกเมซ อดีตแฟนสาวที่รักๆเลิกๆ รวมไปถึงการเตรียมการแต่งงานกับนางแบบสาวเฮลีย์ บอลด์วิน สไตล์ของจัสตินในปีนี้ถูกสื่อแฟชั่นหัวนอกจิกกัดว่าเหมือนพวกไร้บ้าน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจแต่ประการใด

จัสติน บีเบอร์