ย้อนความทรงจำ เม จีระนันท์ เหยื่อศัลยกรรมเกาหลี กับผลงานที่ผ่านมาของเธอ

กำลังเป็นข่าวโด่งดัง เมื่ออดีตนักร้องจากค่าย RS เจอพิษศัลยกรรมเกาหลี จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อเธออาการดีขึ้น จึงทำการฟ้องร้องโรงพยาบาลที่เกาหลี เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย โดยเรียกเงินชดเชยถึง 60 ล้านบาท ข่าวใหญ่ขนาดนี้เชื่อว่าหลายคนคงจะตามข่าวอยู่ แต่นึกไม่ออกว่า เม จีระนันท์ คือใคร สุดฯ จะพาไปย้อนความทรงจำกันค่ะ

เม จีระนันท์ อดีตนักร้อง RS เหยื่อศัลยกรรมเกาหลี

เมเริ่มเข้าวงการด้วยการเป็นนักร้องในสังกัด Onpa ในนามวง VIVICO เมื่อปี 2541 ได้ออกอัลบั้มเต็มอยู่ 2 อัลบั้ม มีเพลงคุ้นหูคือเพลง ซ้ำ…ซ้ำ , โตในรถ และวงได้ปิดตัวลงในปี 2544 จากนั้นเมก็ได้เล่นภาพยนตร์เรื่องแรกคือเรื่อง สุริโยไท โดยรับบทเป็น ท้าวเทพกษัตรีย์ และถัดมาในปี 2545 เมก็ได้เล่นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่อง คือ เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ รวมถึงได้เล่นละครอีกหลายเรื่อง เช่น ซอย 3 สยามสแควร์ พ่อบ้านเมียเผลอ ฝันที่เป็นจริง ครอบครัวตัวละคร

ในปี 2548 เมกลับเข้าสู่เส้นทางสายดนตรีอีกครั้ง โดยมาเซ็นสัญญาในค่าย Genome Records สังกัดของ RS Promotions ได้ออกอัลบั้มเต็ม 3 อัลบั้มด้วยกัน มีเพลงฮิตติดหูตั้งแต่อัลบั้มแรกอย่างเพลง “คนเดียวไม่เหงาเท่า 3 คน” ส่วนอัลบั้มถัดมาก็มีเพลงฮิตอย่าง “นอนไม่หลับ (ถ้าไม่กลับพร้อมเธอ)” และอัลบั้มสุดท้ายก็ยังคงมีเพลงดัง นั่นคือเพลง “ไม่อยากเป็นแค่กิ๊ก”

ไม่เพียงแค่ออกอัลบั้มเดี่ยวเท่านั้น เพราะเมยังเคยได้เป็นหนึ่งในสมาชิกโปรเจ็กต์พิเศษ Dreams II A Little Dream Project ของค่าย RS ซึ่งมีสมาชิกคือเม ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ และฝ้าย (แอมไฟน์) มีเพลงฮิตที่หลายคนร้องตามได้อย่าง ทำไมไม่รับสักที

หลังจากออกอัลบั้มสุดท้ายในปี 2550 และหมดสัญญากับ RS ในปี 2551 เมก็ไม่มีผลงานร้องเพลงอีก และหายไปจากวงการบันเทิง โดยเธอหันไปทำธุรกิจส่วนตัว คือ กิจการร้านเสื้อผ้านำเข้า กระเป๋าถือ และอุปกรณ์เสริมจากประเทศเกาหลี ชื่อร้าน “April & May” เนื่องจากเธอขายเสื้อผ้า และต้องเป็นนางแบบเอง จึงทำให้เธอไม่ค่อยมั่นใจในรูปร่างนัก เมบอกว่าเธอรูปร่างเหมือนเด็ก ไม่มีหน้าอก จึงตัดสินใจเสริมหน้าอกเพื่อเพิ่มความมั่นใจ โดยไม่ได้เสริมขนาดใหญ่ เลือกไซส์ 230-250 ซีซี เท่านั้นเอง

เมบอกว่าที่ตัดสินใจไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี เพราะอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เธอดูรีวิวหลายครั้ง และปรึกษาเพื่อนที่เคยทำที่นี่มาแล้ว เลยมีความมั่นใจว่าปลอดภัย แต่โชคร้าย ที่เธอมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่พบตามโรงพยาบาลเท่านั้น โดยที่แพทย์เจ้าของไข้ไม่บอกความจริง และยังให้เธอหิ้วถุงเลือดขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทย เมทนทุกข์ทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคยังเข้าข้าง เมื่อเธอเข้ารับการผ่าตัดจากโรงพยาบาลในประเทศไทยได้ในที่สุด และอาการค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เธอฟ้องร้องโรงพยาบาลทางเกาหลี ซึ่งทางนั้นจะชดใช้ให้จำนวนหนึ่ง แต่เมและคุณแม่รู้สึกว่า ค่าเสียหายจำนวนนั้นไม่เพียงพอต่อการทนทุกข์ทรมาน รวมถึงอาการปัจจุบันที่หน้าอกชา ไร้ความรู้สึก และไม่อาจรู้ได้ว่าอนาคตจะสามารถให้นมบุุตรได้หรือไม่ จึงทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 60 ล้านบาท และให้ศาลตัดสิน