คู่พระนางที่เคมีเข้ากันดี๊ดีสมัยก่อนอาจจะเรียกว่าคู่ขวัญ ปัจจุบันเรียกกันว่าคู่จิ้น แต่สำหรับ เต้ย เชียร์ (เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ และเชียร์-ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) คงต้องมีศัพท์เฉพาะว่า “คู่หมี” เพราะพวกเขาคือพ่อหมีแม่หมีแห่งครอบครัวหมี ที่มีแก๊งลูกหมีเป็นบรรดาแฟนคลับซึ่งคอยส่งใจเชียร์ความจิ้นของทั้งคู่อย่างหนักหน่วง (สุดฯ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น)
อยากบอกว่าความน่ารักน่าชังของคู่นี้ ไม่ได้อยู่ที่ความหวานเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความฮานำโด่งมาด้วย ชนิดที่เจอหน้ากันเมื่อไรต้องมีเสียงหัวเราะเมื่อนั้น แถมยังเป็นคู่กัดคู่แกล้งที่คอยเย้าแหย่กันตลอดๆ ตั้งแต่ระดับเบาๆ แกล้งเอาเพลิน ไปจนถึงขั้นหนักหน่วงจนอีกฝ่ายเคืองจริงจัง ไม่เชื่อตามไปฟังพ่อหมีแม่หมีเขาเม้าท์อีกฝั่งแบบเผาขนกัน งานนี้บอกได้แค่ว่า…มีคนเกรียมแน่นอน
เม้าท์เผาขนฉบับพ่อหมีแม่หมี
เต้ย เชียร์ ต่างคนต่างเล่า
เต้ยขอเล่า
สุดฯ ความรู้สึกครั้งแรกที่ได้เจอ เชียร์ ฑิฆัมพร เป็นยังไง
เต้ย : คือก่อนหน้านี้เราไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย มีแต่ผมเจอเขาทางโทรทัศน์หรือโปสเตอร์ ตั้งแต่สมัยที่เรายังไม่ได้เป็นนักแสดง เพราะเขาเข้าวงการมาก่อน ตอนนั้นรู้สึกว่าพี่เชียร์เป็นผู้หญิงที่ออกจะแมนๆ นะ ยังไม่หวานเบอร์นี้ จนได้มาเจอกันครั้งแรกในกองละครเรื่อง “ซ่อนรักกามเทพ” ก็ยังมองว่าเขาแมนอยู่ อาจจะเป็นเพราะบุคลิกท่าทางยังมีความห้าวอยู่มั้ง
พอรู้ว่าเขาต้องมาเป็นนางเอกของเราก็เกร็งนะ เพราะอย่างที่บอกว่าผมเห็นฝีมือการแสดงของเขามาตั้งแต่ผมยังไม่ได้เข้าวงการ เหมือนเรารู้จักเขาอยู่ฝ่ายเดียวแต่เขาไม่รู้จักเรา ด้วยความที่เขาเป็นรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์มากกว่านี่ละครับ จึงทำให้ค่อนเกร็งนิดหนึ่ง
แล้วทำยังไงถึงเริ่มสนิทกันได้
เต้ย : เริ่มจากการที่เขามาแหย่เราก่อน เข้ามาส่องขี้หูงี้ คือขี้หูผมไม่ได้เยอะนะ แต่เขาชอบมาส่องดู เพราะอะไรไม่รู้ ต้องลองถามเขาดูเอง จากนั้นเราก็แหย่กัน แกล้งกันมาเรื่อยๆ ด้วยความที่ส่วนใหญ่เราต้องเข้าฉากกันสองคน ไม่ค่อยมีตัวละครอื่นเท่าไหร่ บางทีถ่ายเป็นอาทิตย์ก็เจอกันอยู่แค่นี้ เลยไม่มีใครให้แกล้ง นอกจากแกล้งกันเอง แหย่กันไปแหย่กันมาอยู่สองคน จนกลายเป็นคุ้นเคย
ได้ข่าวมาว่าเชียร์ชอบแกล้งมาก เขามักจะแกล้งเต้ยด้วยวิธีไหน
เต้ย : เขาชอบแกล้งทีเผลอ มักจะแอบเอาโทรศัพท์เราไปเล่น ถ่ายรูปบ้าง ถ่ายวิดีโอบ้าง พอเรามาเปิดดูในคลังรูปจะเห็นแต่รูปอะไรไม่รู้ ผนัง กำแพง อะไรไร้สาระเต็มไปหมด ซึ่งพอเห็นว่าเขามาแนวนี้ เราก็เอาคืนด้วยวิธีนี้เหมือนกัน ขี้เกียจคิดวิธีใหม่ครับ (หัวเราะ)
นอกจากขี้แกล้งแล้ว ในมุมมองของเต้ย เชียร์เป็นผู้หญิงแบบไหน
เต้ย : เป็นผู้หญิงเก่ง ทั้งทำธุรกิจด้วย แสดงละครด้วย ทำอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน ยอมรับเลยว่าเขาเก่งจริงๆ บางทีผมก็อยากทำให้ได้อย่างเขานะ อยากจะทำธุรกิจหลายๆ อย่างบ้าง แต่ด้วยความที่ยังเป็นน้องใหม่ ยังไม่อยู่ตัว ก็ต้องค่อยๆ ทำไปทีละอย่างก่อน คือพี่เชียร์เขาผ่านประสบการณ์ในวงการมาเยอะแล้วไง เลยสามารถจัดสรรเวลาและอะไรหลายๆ อย่างได้ดี มือใหม่อย่างผมก็ต้องฝึกฝนเรียนรู้ไปก่อนครับ
สำหรับเต้ยมองว่าข้อดีของเชียร์คืออะไร
เต้ย : เป็นคนที่มีพลังล้นเหลืออยู่ตลอดเวลา อะเลิร์ตสุดๆ เวลาอยู่ใกล้แล้วทำให้สดใสกระปรี้กระเปร่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ทีมงาน หรือใครที่กำลังหงอยๆ เนือยๆ อยู่ เขาจะสามารถทำให้ทุกคนตื่นได้ รวมถึงเราด้วย เลยรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงที่อยู่ใกล้แล้วมีพลังสุดๆ เหมือนเขาส่งพลังไปให้กับทุกๆ คน
แล้วข้อเสียล่ะ
เต้ย : แกล้งแรง คือบางทีก็แกล้งแรงไปจนผมโกรธ
ครั้งที่โดนแกล้งแรงที่สุดคือครั้งไหน
เต้ย : เอาไส้กรอกอีสานยัดใส่กระเป๋าผมแล้วน้ำไหลอกมาเต็มเลย ครั้งนั้นถือว่าเป็นการแกล้งที่แรงมาก คือไส้กรอกอีสานเหม็นกลิ่นกระเทียมมาก แล้วกระเป๋าใบนั้นเป็นกระเป๋าหนัง พอน้ำมันไหลออกมาก็เลอะเทอะเละเทะไปหมด จะซักกระเป๋าก็ไม่ได้ เพราะเป็นหนังที่ไม่ควรซัก เคืองมาก ซึ่งพอเขารู้ว่าผมโกรธก็มาง้อ ซื้อขนมมาขอโทษ แต่พอเราหายโกรธก็กลับมาแกล้งเหมือนเดิม คือไม่เข็ดใช่ไหม เหมือนไม่สำนึกน่ะ (หัวเราะ)
เต้ยล่ะ เคยแกล้งเชียร์หนักๆ บ้างไหม
เต้ย : ไม่มีนะครับ ผมไม่ค่อยแกล้งใคร ถ้าไม่เชื่อลองไปถามเขาดู รับรองว่าตอบไม่ได้ว่าเคยโดยเราแกล้งแรงๆ ไหม
สนิทกันขนาดนี้นอกจากเป็นคู่จิ้นแล้ว ตอนนี้สถานะของเต้ยกับเชียร์อยู่ในจุดไหน
เต้ย : เป็นพี่น้องร่วมงานในวงการครับ ระดับความสนิทก็เหมือนกับนางเอกทุกๆ คนที่ผมเคยร่วมงานด้วย เพราะจริงๆ แล้วผมสนิทกับนางเอกทุกคนที่มีโอกาสได้ร่วมงานกัน แต่ว่าครั้งนี้บรรดาแฟนคลับให้ความสนใจเป็นพิเศษ คอยติดตามความเคลื่อนไหวและเก็บบันทึกทุกโมเมนต์ของพวกเราไว้ จึงมีความจิ้นมากกว่าที่ผ่านๆ มาครับ
หลายคนอยากเห็นเต้ย-เชียร์เล่นละครคู่กันอีก พอจะมีความเป็นไปได้ไหม
เต้ย : ผมคิดว่าวันหนึ่งก็ต้องโคจรมาเจอกันอีก เพราะวงการบันเทิงบ้านเราไม่ได้กว้างจนเกินไป อีกอย่างผมเชื่อว่าถ้าเราพัฒนาตัวเองจนมีความเป็นมืออาชีพจริงๆ สักวันหนึ่งก็ต้องได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ อย่างพี่เชียร์อีกแน่นอนครับ
มีความประทับใจอะไรในตัวเชียร์ที่อยากบอกอีกไหม
เต้ย : พี่เชียร์เป็นนักแสดงที่เก่งด้านคอมเมดี้มาก จังหวะเขาดีจริงๆ ซึ่งสำหรับผมการแสดงละครคอมเมดี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก ในบรรดาศิลปะการแสดงทั้งหมด ไม่ว่าจะดราม่า ระทึกขวัญ โรแมนติก แอ็คชั่น ผมว่าคอมเมดี้ยากที่สุด ซึ่งพี่เชียร์ทำได้ดีมาก ข้อนี้ชื่นชมจากใจเลยครับ
คิดว่าเพราะอะไรคนถึงจิ้นคู่เราขนาดนี้
เต้ย : ผมว่าเพราะตัวละครมากกว่า ต้องขอบคุณคนเขียนบท ผู้กำกับ ทีมงานทุกคน รวมไปถึงผู้ใหญ่ที่มอบโอกาสนี้ให้เรา คือถ้าผมกับพี่เชียร์ไม่ได้เล่นเรื่องนี้ ไปเล่นเรื่องอื่น หรือว่าผู้กำกับไม่ใช่คนนี้ บทไม่ได้ถูกเขียนมาแบบนี้ พวกเราก็คงไม่ได้เป็นพ่อหมีแม่หมีอย่างทุกวันนี้ ต้องขอบคุณองค์ประกอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มารวมกันจนทำให้เรามีครอบครัวหมี ที่สำคัญคือขอบคุณแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจกันมาตั้งแต่วันฟิตติ้งเลย ขอบคุณมากๆ ครับ
เชียร์ขอเม้าท์
ความรู้สึกครั้งแรกที่ได้เจอ เต้ย พงศกร เป็นยังไง
เกร็ง เพราะเราไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยสนิทกัน คือไม่รู้จักกันเลย อีกอย่างอาจจะเพราะเราเป็นพี่เขาด้วย แต่บทบาทในเรื่องกลับต้องดูเด็กกว่า ซึ่งในจังหวะแรกที่เจอกันเชียร์ยังรู้สึกว่าเราเป็นพี่เขาอยู่ไง เลยทำให้เกร็งๆ ไปบ้าง
เห็นเต้ยบอกว่าเชียร์เข้าไปแหย่เขาก่อนด้วยการส่องหู
นั่นเป็นสิ่งที่เราทำกับทุกคนอยู่แล้ว คือเชียร์จะคอยสังเกตคนที่ร่วมงานด้วยเสมอ โดยเฉพาะพระเอก ซึ่งจะเป็นคนที่ต้องใกล้ชิดเรามากที่สุด เพราะสำหรับเชียร์มองว่าเรื่องความสะอาดสะอ้านเป็นเรื่องสำคัญ แล้วเราก็เคยประสบพบเจอมากับตัวด้วย บางคนหน้าตาดีมาก ทุกอย่างดูดี แต่พอมองๆ ไป เอ๊ะ! อะไรคาอยู่ที่หู ความรู้สึกตอนนั้นคือหมดหล่อเลยนะ เพราะเวลาถ่ายรูปเขาจะต้องอยู่ข้างเรา และด้วยความที่ผู้ชายตัวสูงกว่า พอหันไปเราจะเห็นพอดี สำหรับเต้ยเราก็หวังดี เป็นห่วงเขาไง เลยอะๆ ส่องดูสักหน่อย เช็กความเรียบร้อยให้ (หัวเราะ)
แล้ววันนั้นผ่านไหม
ผ่านอยู่ค่ะ ถ้ามีอะไรไม่ผ่านก็จะพยายามบอก
จริงๆ แล้วคู่เราสนิทสนมกันแค่ไหน
เชียร์ว่าเป็นความสนิทในแบบเพื่อนร่วมงานกันมากกว่า คือทำงานด้วยกันแล้วผลงานออกมาดี เหมือนให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันดี ทำให้ผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ เป็นความสนิทในระดับนั้นมากกว่าค่ะ
ในมุมมองของเชียร์ เต้ยเป็นผู้ชายแบบไหน
ที่เห็นคือเขาเป็นผู้ชายรักครอบครัว ซึ่งข้อนี้เราสังเกตเห็นมาก่อนหน้าที่จะได้ร่วมงานกันแล้ว และนี่คือข้อดีของเต้ยที่เชียร์ชื่นชม นับเป็นมุมดีๆ ที่ผู้ชายทุกคนควรมี คือเข้าใจว่าในบางช่วงบางเวลาของชีวิตแต่ละคนก็จะมีสังคม มีมุมอื่นๆ หรือกลุ่มคนอื่นๆ ให้สนใจไปตามวัย แต่เห็นได้ชัดเจนว่าเต้ยให้ความสำคัญกับครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ ไม่ว่าจะเวลาใดหรือช่วงไหนของชีวิตเขา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เชียร์ชื่นชมมาก
นอกจากรักครอบครัวแล้วเต้ยยังมีข้อดีอะไรอีกไหม
ความประหยัดค่ะ สิ่งนี้เชียร์ก็เห็นมาตลอดว่าเต้ยค่อนข้างใช้เงินเป็น รู้จักใช้ อีกอย่างคือเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี ตั้งใจ และมีวินัยในการทำงานมาก ถือว่าเป็นรุ่นน้องที่น่าชื่นชมมากคนหนึ่ง ในเรื่องของความตั้งใจทำงานค่ะ
แล้วข้อเสียล่ะมีไหม
อืม…นึกไม่ออก ไม่รู้สิ นึกไม่ออกจริงๆ ค่ะ
แต่เต้ยบอกว่าข้อเสียของเชียร์คือแกล้งแรงเกินไป
เชียร์เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ชอบแหย่ ชอบแกล้ง ที่เต้ยโดนยังถือว่าน้อยนะ ถ้าเทียบกับคนอื่น เพราะเชียร์เคยแกล้งมาหนักกว่านี้เยอะ นี่แค่เอาโทรศัพท์ไปทำให้ล็อคแค่นั้นเอง ซึ่งหลังๆ เขาก็เอาคืนเหมือนกันนะ เวลาอยู่กองเราจะเผลอวางโทรศัพท์ไว้ไม่ได้เลย ต้องระมัดระวังตลอด (หัวเราะ)
การเอาไส้กรอกอีสานยัดกระเป๋านี่คือน้อยใช่ไหม
น้อยมาก แต่เขาโกรธ ไม่คุยด้วยเลย (หัวเราะ) ซึ่งจริงๆ เราก็ไม่ได้ตั้งใจให้รูปการณ์ออกมาเป็นแบบนั้น คือเชียร์แค่อยากจะแกล้งเบาๆ ด้วยการเอาของที่ไม่ควรจะอยู่ตรงนั้นไปวางไว้ตรงนั้น เพื่อให้เขาเซอร์ไพรส์ พอเปิดออกมาแล้วอารมณ์จะแบบว่า “เฮ้ย! ใครเอาของอะไรแบบนี้มาใส่ไว้ในกระเป๋าเนี่ย” อยากให้เต้ยรู้สึกอย่างนั้นแค่นั้นเอง แต่ปรากฏว่าเกินความคาดหมายไปเยอะมาก น้ำไส้กรอกไหลออกมาเลอะกระเป๋าไปหมด กลายเป็นความเละเทะ และพังพินาศมากกว่าที่เราคิดไว้ จึงทำให้เต้ยเคืองมาก โกรธจริงจัง เชียร์ก็เลยต้องง้อด้วยการซื้อขนมที่เขาชอบไปให้ ซึ่งตอนแรกก็ไม่คิดว่าเขาจะหายโกรธนะ แต่พอหาย เราก็เลย อ้าว! หายโกรธไวจัง แกล้งต่อสิ (หัวเราะ)
แล้วเต้ยเคยแกล้งเชียร์หนักๆ บ้างไหม
เป็นการเอาคืนในรายการทีวีมากกว่า ด้วยการเอาสิ่งที่เชียร์เกลียดที่สุดมาเซอร์ไพรส์ มันคือสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งเราเกลียดมาก เกลียดจนไม่อยากเอ่ยถึง แค่เห็นตัวหนังสือเขียนชื่อเจ้าตัวนี้ยังไม่อยากอ่านเลย ถ้าจำเป็นต้องพูดถึงเชียร์จะเรียกมันว่าเขา โดยไม่ขอเอ่ยชื่อ เป็นตายยังไงก็ไม่ขอพูดชื่อนี้เด็ดขาด (เฉลย…มันคือ ตะขาบ นั่นเองจ้ะ)
คิดว่าเพราะอะไรคนถึงจิ้นคู่เราขนาดนี้
ใช้คำว่าโชคดีแล้วกันค่ะ เพราะเชียร์ก็ไม่รู้ว่าจุดไหนที่ทำให้คนมารักพวกเราได้มากขนาดนี้ ซึ่งการที่มีคนมารักมาเอ็นดูและพร้อมจะอยู่ด้วยกัน ซัพพอร์ตกันเป็นครอบครัวอย่างนี้ นับเป็นความโชคดีจริงๆ เหมือนเป็นเวทมนต์ที่บอกไม่ได้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ไปต้องมนต์กันตรงไหน แต่ทั้งหมดคือความโชคดีของเชียร์และเต้ย
อีกอย่างเชียร์รู้สึกว่าปีที่ผ่านมาเชียร์เติบโตขึ้นมากในหลายๆ ด้าน ทั้งงานในวงการบันเทิง ธุรกิจ แม้กระทั่งกลุ่มแฟนคลับเองก็ขยายใหญ่ขึ้น มีความหลากหลายขึ้น และมีอีกกลุ่มหนึ่งเพิ่มเข้ามา รวมถึงแฟนๆ ที่เคยติดตามเราตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยก็กลับมาตามอีกครั้งเพราะแม่หมี ทำให้เรารู้สึกว่าได้รับความรักเยอะมาก ทั้งที่จริงๆ แล้วปีที่ผ่านมาตามความเชื่อของคนจีน ปีนักษัตรของเชียร์เป็นปีชงนะ แต่กลับกลายเป็นปีที่ดีเกินความคาดหมาย ต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่ทำให้เชียร์มีวันนี้ค่ะ
ต่างคนต่างเม้าท์กันแบบน่ารักๆ แต่สมาชิกครอบครัวหมีอย่างสุดฯ ได้ยินแล้วแอบเขินแทนเลยจ้ะ แต่ถ้าจะให้จิ้นและฮามากกว่านี้ อย่าลืมติดตามคลิปเบื้องหลังแฟชั่นเซตของพ่อหมีและแม่หมีที่ www.facebook.com/sudsapdafanclub นะคะ บอกเลยว่าน่ารักเวอร์
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง :
เชียร์ ฑิฆัมพร คัมแบ็คด้วยกระแสคู่จิ้นสุดปัง
เซ็กซี่ให้สุดแล้วหยุดที่เชียร์! ส่องความขาวของ เชียร์ ฑิฆัมพร ในทริปมัลดีฟส์
The post เต้ย เชียร์ เม้าท์เผาขน เผยเรื่องเล่าน่ารัก ขำ ฮา ฉบับพ่อหมี-แม่หมี appeared first on SUDSAPDA (สุดสัปดาห์) - TREND LIFESTYLE AND INSPIRATION.